Pages

Monday, May 9, 2011

ลีลาวดีธรรม 1

      ยอดของอันตรายที่เหล่าสัตว์โลกต่างพรั่นพรึง ก็คือความตาย   ถ้าไม่กลัวความตายซะอย่าง อันตรายอย่างอื่นก็จะไม่กลัว ฉะนั้นก็จงทำตัวให้คุ้นเคยกับความตาย ทำอย่างไรนะเหรอ? ก็ไม่เห็นจะยากเลย ก็แค่หมั่นระลึกถึงความตาย เพราะชีวิตของ สรรพสัตว์ที่เกิดมานั้นล้วนไหลไปสู่ความตายอยู่ทุกขณะเวลาอยู่แล้ว เช่นเดียวกับสายน้ำที่ไหลไปสู่ที่ลุ่ม เราจะทำให้น้ำ ไหลย้อนไม่ได้ฉันใด เราก็ห้ามชีวิตที่เกิดมาไม่ให้ตายไม่ได้ฉันนั้น เราต้องตายแน่เพราะชีวิตก็คือการเดินทางไปสู่ความตาย ความตายคือความจริงแห่งชีวิต ถ้าคิดได้อย่างนี้ ชีวิตก็จะไม่หวาดกลัวต่อความตาย ฉะนั้นก็จงทำตัวให้คุ้นเคย กับความตาย แล้วจะไม่กลัวตาย จะคุ้นเคยได้อย่างไรนะเหรอ? ก็สมมติว่าตอนเราเป็นเด็กเราเคยกลัวใครสักคนไหม? เคย ตอบได้เลย แล้วภาย หลังพอเราโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่แล้วเรายังกลัวคนๆ นั้นอยู่หรือเปล่า? แน่นอนไม่กลัว ถามว่าเพราะอะไร? ก็เพราะเรารู้จักแล้วก็คุ้นเคยกับคนๆ นั้นแล้วนะสิ แต่คนเราโดยมากไม่เป็นเช่นนั้น เวลานึกถึงความตายมันก็จะทำให้จิตใจเศร้าสลดหดหู่ ไม่อยากทำอะไร อยากทำแค่นอนรอเวลาตายเท่านั้น ฉะนั้นลองฟังอุปมาบ้างมา สมมติว่ามีชายคนหนึ่ง กำลังพายเรือที่มีรูพรุน ข้ามแม่น้ำใหญ่ ขณะที่พายก็มองเห็นว่าน้ำกำลังพุ่งเข้าเรือตามรอยรั่ว เขารู้ดีว่าเรือจะต้องจมลมกลาง แม่น้ำแน่ เมื่อรู้ว่าเรือต้องจมเขาก็เกิดความเศร้าใจหมดอาลัยในชีวิต เพราะไม่มีทางจะอาศัยเรือข้ามฝั่งไปได้ จึงไม่คิดทำอะไร ได้แต่ร้องรำทำเพลงไปในเรือ จนกระทั่งเรือจมลงไป เขาก็จมน้ำตาย ถามว่าชายคนนี้ฉลาดหรือโง่? ตอบเลยว่าโง่อย่างไม่มี ปัญหาเลยทีเดียว เพราะทั้งๆ ที่รู้อยู่ว่าเรือรั่ว ก็ยังมัวร้องรำทำเพลง จมน้ำตายไปก็นับว่าสมน้ำหน้าแล้ว
      ร่างกายคนเราเปรียบเสมือนเรือรั่ว โอฆะสงสารเปรียบเสมือนแม่น้ำใหญ่ ฝั่งข้างโน้นเปรียบเหมือนพระนิพพาน   เพราะฉะนั้น คนเราจึงเปรียบเหมือนกำลังพายเรือรั่วคือร่างกายนี้ข้ามโอฆะสงสารไปสู่ฝั่งโน้นคือพระนิพพาน แต่เรือคือร่าง กายสังขารของเรากำลังจะจมอยู่ท่ามกลางแม่น้ำ ไปไม่ถึงฝั่งซึ่งอยู่ไกลออกไปจนมองไม่เห็นฝั่ง ทั้งๆ ที่เรือจวนจะล่ม ทั้่งๆ ที่รู้ว่าจวนจะจมน้ำตาย ยังประมาทร้องรำทำเพลง อย่างนี้แล้วจะทำอย่างไร? ก็ไม่ควรประมาทมัวร้องรำทำเพลงหลอกตัวเองไป  ทำเป็นไม่รู้ว่าเรือกำลังจะล่ม ควรจะต้องตระเตรียมเครื่องชูชีพใส่ในเรือไว้ให้มากๆ ขณะที่พายเรือไปก็ต้องรู้อยู่เสมอว่าเรือจะล่ม แล้วเมื่อเรือล่มจริงๆ ก็รีบคว้าเสื้อชูชีพมาสวมใส่ แล้วอาศัยว่ายต่อไปจนกว่าจะถึงฝั่ง แล้วเครื่องชูชีพคืออะไร? เครื่อง ชูชีพนั้นเปรียบเสมือนบุญกุศล เพราะว่าคนเราตายแล้วเราจะนำทรัพย์สมบัติอะไรไปไม่ได้ แม้แต่สรีระร่างกายที่เราหวงนัก ห่วงหนาก็ไม่สามารถนำพาไปด้วยได้ มีแต่จะถูกฝังแล้วก็ทิ้งไว้ ฉะนั้นทรัพย์สมบัติก็ดี สรีระร่างกายก็ดีเป็นวัตถุอัน หยาบต้องทิ้งไว้ที่โลกนี้ เราจะได้เพียงบุญกุศลเท่านั้นเป็นเครื่องช่วยในการว่ายข้ามภพข้ามชาติ ไปสู่ฝั่งโน้นคือพระนิพพาน แล้วท่านทำอะไรล่ะ? เพราะฉะนั้นเราควรตระเตรียมเสบียงเครื่องชูชีพไว้ จะได้ไม่ต้องอดอยากเวลาที่ต้องเวียนว่ายแม่น้ำใหญ่คือ วัฏฏะสงสาร อันเต็มไปด้วยฉลามร้าย และปั่นป่วนไปด้วยพายุฝน 
*********

No comments:

Post a Comment